ไออี มช | ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ | คณะวิศวกรรมศาสตร์ | มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การเพิ่มประสิทธิภาพปลูกต้นหม่อนโดยใช้เทคโนโลยีพลาสมาและนาโนบั๊บเบิ้ล
Monday, 03.19.2018, 02:56pm (GMT7)

การเพิ่มประสิทธิภาพปลูกต้นหม่อนโดยใช้เทคโนโลยีพลาสมาและนาโนบั๊บเบิ้ล

                                                                   รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง 

 การปลูกพืชเชิงเดี่ยวของเกษตรที่สูงทางตอนเหนือของประเทศไทย มักมีการเผาเพื่อกำจัดเศษเหลือใช้จากการเกษตรและเพื่อปลูกพืชไร่โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อันเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาหมอกควัน ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เนื่องจากส่งผลต่อการใช้ชีวิตของประชาชน รวมไปถึงการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกด้วย ทางแก้ไขทางหนึ่งคือการส่งเสริมการปลูกพืชทางเลือก จากปัญหาข้างต้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาและพัฒนาการปลูกหม่อน เพราะต้นหม่อนสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลายจากผล ใบ กิ่ง และลำต้น ดังนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปลูก โดยการลดการปนเปื้อน เร่งการเติบโต และเพิ่มผลผลิตจากต้นหม่อน จึงมีการนำเทคโนโลยีพลาสมา (Plasma Technology) และนาโนบับเบิ้ล (Nano bubble Technology) มาประยุกต์ใช้ในการเร่งการเติบโตของต้นหม่อน 

 การทดลองโดยการปลูกหม่อน 2 สายพันธุ์ คือ บุรีรัมย์ 60  และ พันธุ์สกลนครอย่างล่ะ 300ต้น ที่บ้านห้วยส้มสุก ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ สังเกตถึงพฤติกรรมและการเจริญเติบโตของต้นหม่อน และทำการเก็บข้อมูลส่วนสูงเป็นเวลา 8 เดือน พบว่าต้นหม่อนเติบโตได้ดีในช่วงแรก 3-6 เดือน มีความสูงคงที่ 5-6 ฟุต ค่าเฉลี่ยความสูงของหม่อนพันธุ์บุรีรัมย์ 60 เท่ากับ 5.062 ฟุต หม่อนพันธุ์สกลนคร เท่ากับ 4.734 ฟุต จากการตรวจสอบจะพบการเกิดโรคราสนิมในหม่อนสายพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ค่อนข้างมาก กว่าที่พบในสายพันธ์สกลนคร

ผู้วิจัยจึงเลือกหม่อนพันธุ์สกลนครที่มีความแข็งแรงทนทานต่อโรคพืชมาทดลองเพื่อเร่งการเติบโต โดยการปักชำในเรือนเพาะชำจำนวน90ต้น และรดด้วยสารละลายพลาสมา สารละลายนาโนบับเบิ้ล และน้ำประปา อย่างลีะ 30ตันเช้าเย็น ควบคุมตัวแปรต่างๆ อาทิ สถานที่ปลูก ปริมาณแสงแดด เพื่อศึกษาการเติบโตของต้นหม่อน จากการทดลองพบว่า หม่อนที่รดด้วยสารละลายนาโนบับเบิ้ล จะมีเปอร์เซ็นต์การเติบโตดีที่สุด ซึ่งอาจมีผลมาจาก reactive oxygen species ที่ถือว่าเป็นสารอาหารสำคัญชนิดนึงที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งมีอยู่ในน้ำบับเบิ้ลแต่มีอยู่น้อยมากในสารละลายพลาสมา ก็เพราะในการดิจชาร์จสารละลายพลาสมานั้นจะใช้ก๊าซไนโตรเจนบริสุทธิ์ในการดิจชาร์จต่างจากการดิจชาร์จน้ำบับเบิ้ลนั้นจะใช้อากาศ จึงส่งผลให้ในสารละลายพลาสมานั้นจะมีปริมาณ reactive nitrogen species เท่านั้นที่มีปริมาณมาก แต่จะมีปริมาณ ROS ที่น้อยกว่าน้ำจากบับเบิ้ล ด้วยเหตุนี้จึงอาจจะเป็นผลให้ต้นหม่อนที่ได้รับสารอาหารจากสาระละลายพลาสมานั้นได้รับสารอาหารจากเพียง RNS เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นหม่อนจากน้ำพลาสมานั้นก็ถือว่าเจริญเติบได้ดีกว่าต้นหม่อนที่รดด้วยน้ำประปาเพียง 10 มิลลิลิตรต่อวันที่อาจจะไม่ได้ให้สารอาหารที่เพียงพอจึงทำให้ตายไปกว่า 30%

ที่มา : เล่มรายงานโครงการวิจัยการเพิ่มประสิทธิภาพปลูกหม่อนโดยใช้เทคโนโลยีพลาสมา  (Improve Mulberry cultivation by used plasma technology) ,2561 ,จำนวน 35 หน้า  (ได้รับเงินอุดหนุนการทำวิจัยจาก อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

โดยสามารถติดต่อขอดูผลการศึกษาจากรายงานฉบับสมบูรณ์ดังกล่าวได้ที่ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่                      การอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ (เชียงใหม่) 155 หมู่ 2 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 โทรศัพท์ : 081-969-6919 อีเมล์ : info@step.cmu.ac.th , nspbuilding@step.cmu.ac.th. Website : www.step.cmu.ac.th , www.nsp.or.th



Copyright © 2014 Department of Industrial Engineering, Chiang Mai University