Home
ผลงานภาควิชา » โครงงานนักศึกษา » ปริญญาตรี » ปีการศึกษา 2557
โครงงานที่ 36 การปรับปรุงการไหลของข้อมูล และฐานข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ ทำงาน กรณีศึกษา บริษัท วงศ์พิทักษ์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด

โครงงานที่ 36 การปรับปรุงการไหลของข้อมูล และฐานข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ ทำงาน กรณีศึกษา บริษัท วงศ์พิทักษ์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด

หัวข้อโครงงาน      การปรับปรุงการไหลของข้อมูล และฐานข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ                      ทำงาน กรณีศึกษา บริษัท วงศ์พิทักษ์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด 

โดย                 น.ส. ชนม์นิภา เชื้อพลายเวช            รหัสนักศึกษา 540610261

                     น.ส. วิภาดา    ธรรมตระกูล             รหัสนักศึกษา 540610326

ภาควิชา            วิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อาจารย์ที่ปรึกษา   ผศ.ดร.กรกฎ ใยบัวเทศ ทิพยาวงศ์

ปีการศึกษา         2557                                

 

บทคัดย่อ

 

          โครงงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการไหลของข้อมูลคำสั่งซื้อ และระบบฐานข้อมูลภายในโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดจำนวนเอกสาร และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  โดยมีการใช้แผนผังสายธารคุณค่า (VSM) ในการวิเคราะห์จำแนกกิจกรรมออกเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าเพิ่ม กิจกรรมที่จำเป็นแต่ไม่มีคุณค่าเพิ่ม และกิจกรรมที่ไม่มีคุณค่าเพิ่ม เมื่อทราบถึงปัญหาของการไหลของข้อมูลคำสั่งซื้อ จากการวิเคราะห์พบว่ามี 6 กิจกรรมที่ควรจะต้องทำการปรับปรุง ได้แก่      1) กิจกรรมออกใบสั่งผลิต 2) ตรวจสอบคลังสินค้า 3) ออกใบสั่งซื้อ 4) ออกใบสั่งผลิตย่อย 5) บันทึกรับสินค้า 6) ออกบิลจ่ายเงิน หลังจากนั้นจึงนำเอาหลักการ ECRS เข้ามาช่วยทำการปรับปรุงกิจกรรม โดยจะทำการรวมกิจกรรมการออกใบสั่งผลิต และใบสั่งซื้อเข้าไว้ด้วยกัน แล้วทำ 1) กิจกรรมตรวจสอบคลังสินค้า 2) กิจกรรมออกใบสั่งผลิตย่อย และ 3) กิจกรรมบันทึกรับสินค้า ให้ง่ายต่อการทำงานมากขึ้น และทำการกำจัดกิจกรรมออกบิลจ่ายเงินออกจากการทำงาน เมื่อทราบแนวทางในการปรับปรุงแล้วจึงนำไปออกแบบการไหลของข้อมูลคำสั่งซื้อแบบใหม่ ด้วยการใช้แผนภาพกระแสข้อมูลมาอธิบาย เพื่อเอาไปใช้สื่อสารกับผู้พัฒนาระบบต่อไป และจำลองสถานการณ์ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปอารีน่า เพื่อประเมินผลการทำงานโดยเปรียบเทียบเวลาการทำงานที่สามารถลดลงได้จากการปรับปรุง

 

          ถ้าหากทำการกำจัดกิจกรรมที่ไม่มีคุณค่าเพิ่มจากการดำเนินงาน จะสามารถลดเวลาการทำงานรวมได้จาก 397.36 นาที เหลือ 233.69 นาที เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อัตราร้อยละ 41.19 และสามารถลดจำนวนการใช้เอกสารกระดาษโดยเฉลี่ยจาก 176 แผ่น เหลือ 77 แผ่น ต่อ 1 คำสั่งซื้อ ลดการใช้ทรัพยากรกระดาษไปได้ 99 แผ่น หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 56.25