Home
ผลงานภาควิชา » โครงงานนักศึกษา » ปริญญาตรี » ปีการศึกษา 2557
โครงงานที่ 29 การจัดการคลังอะไหล่ในโรงงานผลิตผลไม้บรรจุกระป๋อง

โครงงานที่ 29 การจัดการคลังอะไหล่ในโรงงานผลิตผลไม้บรรจุกระป๋อง

หัวข้อโครงงาน          การจัดการคลังอะไหล่ในโรงงานผลิตผลไม้บรรจุกระป๋อง

โดย                      น..ธวัลรัตน์   ประภาสวัสดิ์   รหัสนักศึกษา  540610283

                          นายนวพล      พรมทุ่ง          รหัสนักศึกษา  540610292

ภาควิชา                 วิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อาจารย์ที่ปรึกษา        อ.ดร.วริษา  วิสิทธิพานิช

ปีการศึกษา               2557

 

บทคัดย่อ

 

การค้นคว้านี้เป็นการประยุกต์ใช้เทคนิคการจัดการสินค้าคงคลังมาใช้กับการจัดการคลังสินค้าประเภทอะไหล่ เพื่อหาแนวทางในการสร้างมาตรฐานการจัดการคลังอะไหล่ในโรงงานผลิตผลไม้บรรจุกระป๋อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดต้นทุนรวมในการจัดการคลังอะไหล่ และกำหนดวิธีการในการสั่งซื้ออะไหล่สำรองไว้สำหรับซ่อมบำรุงและเหตุฉุกเฉิน ในขั้นตอนการดำเนินงานวิจัยต้องใช้แนวทางในการจัดการคลังอะไหล่เพื่อให้ได้ผลการวิเคราะห์ที่เหมาะสมที่สุดและทำให้ต้นทุนรวมมีมูลค่าต่ำสุด โดยนำวิธีการวิเคราะห์ระดับความสำคัญของอะไหล่ในคลัง (ABC Analysis) เพื่อจัดหมวดหมู่ความสำคัญของอะไหล่ตามมูลค่าการจ่ายออกของอะไหล่แต่ละชนิด และกำหนดตัวแบบการจัดการสินค้าที่เหมาะสมกับอะไหล่แต่ละประเภท สำหรับอะไหล่ที่มีมูลค่าการจ่ายออกสูงและมีความต้องการคงที่จะใช้ขนาดการสั่งซื้อแบบประหยัด (Economic Order Quantity, EOQ) ในการกำหนดรูปแบบการสั่งซื้อ ในทางตรงกันข้ามอะไหล่ที่มีความต้องการไม่คงที่ จะใช้รูปแบบการสั่งซื้อแบบที่ไม่คงที่ (Dynamic Lot Sizing Model, DLS) โดยใช้กฎเกณฑ์ฮิวริสติก (Heuristic Rules) สามวิธี ได้แก่ Silver Meal (SM), Least Unit Cost (LUC) และ Part Period Balancing (PPB) ในการวิเคราะห์เพื่อหาตัวแบบที่มีต้นทุนรวมต่ำสุด สำหรับอะไหล่ที่มีมูลค่าการจ่ายออกน้อย จะใช้รูปแบบการจัดการแบบ Two Bin system

ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตพบว่า จากรายการอะไหล่ทั้งหมด 201 รายการ มีอะไหล่ที่มีลำดับความสำคัญประเภท A 50 รายการ, ประเภท B 59 รายการ และ ประเภท C 92 รายการอะไหล่ประเภท A และ B มีมูลค่าการจ่ายออกประมาณ 80% และ 15% ตามลำดับ รวมเป็น 95% ของมูลค่าการจ่ายออกทั้งหมด ซึ่งอะไหล่ทั้ง 2 ประเภทนี้ถูกนำมาวิเคราะห์ระดับความต้องการใช้โดยสัมประสิทธิ์ของความผันแปร (Variance Coefficient, VC) ถ้าค่า VC น้อยกว่า 0.25 แสดงว่าความต้องการใช้มีค่าค่อนข้างคงที่ ซึ่งรูปแบบการสั่งซื้อที่เหมาะสมให้ใช้ขนาดการสั่งซื้อแบบประหยัด (EOQ) แต่ถ้าค่า VC มากกว่า 0.25 แสดงว่าความต้องการใช้มีค่าไม่คงที่ ซึ่งจะใช้วิธีการจัดการแบบขนาดการสั่งซื้อที่ไม่คงที่ โดยเลือกวิธีที่ทำให้มีต้นทุนรวมน้อยที่สุด ในส่วนของอะไหล่ประเภท C ซึ่งมีมูลค่าการจ่ายออกประมาณ 5% ของมูลค่าการจ่ายออกทั้งหมด จะใช้การจัดการแบบ Two Bin System โดยอะไหล่ทุกประเภทได้ถูกกำหนดจุดสั่งซื้อที่สามารถป้องกันการขาดแคลนเมื่อความต้องการใช้อะไหล่อาจมีความผันแปรได้ ผลจากการค้นคว้าวิจัยพบว่า เมื่อมีการกำหนดวิธีการจัดการคลังอะไหล่ของโรงงานผลิตผลไม้บรรจุกระป๋องได้อย่างเหมาะสม สามารถลดต้นทุนรวมในการจัดการคลังอะไหล่ในช่วง ตุลาคม 2555 ถึง กันยายน 2557 จาก 392,624 บาท เป็น 90,819 บาท โดยลดลงจากเดิม 301,805 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 76.87