Home
ผลงานภาควิชา » โครงงานนักศึกษา » ปริญญาตรี » ปีการศึกษา 2557
โครงงานที่ 27 การศึกษาการชุบแข็งเหล็ก S45C โดยใช้น้ำมันเครื่องรถยนต์บรรทุกเล็ก ที่ผ่านการใช้งานแล้ว

โครงงานที่ 27 การศึกษาการชุบแข็งเหล็ก S45C โดยใช้น้ำมันเครื่องรถยนต์บรรทุกเล็ก ที่ผ่านการใช้งานแล้ว

หัวข้อโครงงาน             การศึกษาการชุบแข็งเหล็ก S45C โดยใช้น้ำมันเครื่องรถยนต์บรรทุกเล็ก

ที่ผ่านการใช้งานแล้ว

โดย                         นาย เจษฎา ทาคำวัง    รหัสนักศึกษา 540610255  

ภาควิชา                    วิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อาจารย์ที่ปรึกษา           อาจารย์ ณรงค์ เพชรชารี 

ปีการศึกษา                 2557

 


บทคัดย่อ

 

โครงงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติเชิงกลหลังผ่านการชุบแข็ง โดยการชุบแข็งในสารชุบแข็งสองชนิด ได้แก่ น้ำมันสำหรับชุบแข็งและน้ำมันเครื่องรถยนต์บรรทุกเล็กที่ผ่านการใช้งานแล้ว ในการดำเนินโครงงานวิจัยนี้ผู้ดำเนินโครงงานได้ใช้เหล็กกล้าคาร์บอนเกรด S45C ตามมาตรฐานญี่ปุ่น  แบ่งชิ้นงานออกเป็น 2 กลุ่ม  โดยกลุ่มทั้ง 2 กลุ่มทำการอบในเตาไฟฟ้าให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 860 องศาเซลเซียส อบแช่ไว้ในเตาเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นนำชิ้นงานทั้ง 2 กลุ่มออกมาชุบในสารชุบทั้ง 2 ชนิด เพื่อให้ชิ้นงานเย็นตัวอย่างรวดเร็ว และนำชิ้นงานไปทำการเปรียบเทียบโครงสร้างและคุณสมบัติเชิงกลต่อไป

 

ผลจากทดลองพบว่า ชิ้นงานที่ผ่านการชุบแข็งด้วยน้ำมันสำหรับชุบแข็งมีโครงสร้างจุลภาคที่เป็นมาเทนไซต์ที่ประกอบด้วยเฟสของเฟอร์ไรต์และเพิลไลต์ผสมอยู่ ส่วนชิ้นงานที่ผ่านการชุบแข็งด้วยน้ำมันรถบรรทุกเล็กที่ผ่านการใช้งานแล้วมีโครงสร้างจุลภาคเป็นโครงสร้างผสมมีเฟสของเฟอร์ไรต์, เพิลไลต์และซีเมนต์ไตผสมอยู่ ส่งผลให้ชิ้นงานจะมีความแข็งน้อยและมีความยืดหยุ่นมากกว่าโครงสร้างมาเทนไซต์ ชิ้นงานที่ผ่านการชุบแข็งโดยน้ำมันสำหรับชุบแข็งมีค่าความแข็งเฉลี่ย 58.0 HRC และน้ำมันรถบรรทุกเล็กที่ผ่านการใช้งานแล้วมีค่าความแข็งเฉลี่ย 57.1 HRC ซึ่งแตกต่างกันร้อยละ 1.55 ชิ้นงานที่ผ่านการชุบแข็งโดยน้ำมันสำหรับชุบแข็งมีค่าความทนแรงดึงเฉลี่ย 747 MPa และน้ำมันรถบรรทุกเล็กที่ผ่านการใช้งานแล้วมีค่าความทนแรงดึงเฉลี่ย 765 MPa ซึ่งแตกต่างกันร้อยละ 2.40 ชิ้นงานที่ผ่านการชุบแข็งโดยน้ำมันสำหรับชุบแข็งมีค่าความทนแรงบิดเฉลี่ย 849 MPa และน้ำมันรถบรรทุกเล็กที่ผ่านการใช้งานแล้วมีค่าความทนแรงบิดเฉลี่ย 907 MPa ซึ่งแตกต่างกันร้อยละ 6.83