หัวข้อโครงงาน การประยุกต์ใช้เทคนิคลีนและการบัญชีต้นทุนการไหลวัสดุในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต: กรณีศึกษาบริษัทสยามไวร์
เน็ตติ้ง จำกัด
โดย นายกสิณ รัตนธรรม รหัสนักศึกษา 540610240
นางสาวชลธิชา สินลา รหัสนักศึกษา 540610262
ภาควิชา วิศวกรรมอุตสาหการ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการประยุกต์ใช้เทคนิคลีนและการวิเคราะห์บัญชีต้นทุนการไหลวัสดุในกระบวนการผลิตสายพานลำเลียง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางและปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต
ด้วยเทคนิคลีนและการวิเคราะห์บัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ
เพื่อบ่งชี้กระบวนการผลิตในด้านกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มและกิจกรรมที่ไม่มีมูลค่าเพิ่ม
สามารถกำจัดความสูญเปล่าและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต
สามารถลดต้นทุนและความสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต
และทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้นและต้นทุนในการผลิตลดลง
รวมไปถึงการศึกษาความสูญเสียที่เกิดขึ้นในทุกกระบวนการ ซึ่งอาศัยเครื่องมือ
แผนภาพพาเรโต, แผนภูมิการทำงานของคนและเครื่องจักร เป็นต้น
เพื่อบ่งชี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสูญเสียมากที่สุด จากนั้นจึงใช้เทคนิคลีนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและลดความสูญเสียที่เกิดจากวัตถุดิบ
แรงงาน และพลังงาน
จากการศึกษาได้ใช้การวิเคราะห์บัญชีต้นทุนการไหลของวัสดุมาช่วยในการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุน
ซึ่งทำให้สามารถสรุปต้นทุนรวมของผลิตภัณฑ์ได้ เท่ากับ 160,123.72 บาท และทางผู้วิจัยได้สรุปแนวทางในการแก้ปัญหาไว้ทั้งหมด 4 แนวทาง ต้นทุนรวมของกระบวนการผลิตสายพานลำเลียง มีค่าต้นทุนเท่ากับ 154,816.26 บาท แต่มีสัดส่วนต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเป็นลบ
(Negative Product)
เพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากได้มีการวิเคราะห์บัญชีต้นทุนการไหลของวัสดุโดยแบ่งเป็นประเภทของกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่ม
และกิจกรรมที่ไม่มีมูลค่าเพิ่ม และประสิทธิภาพการทำงานที่ได้จากการจำลองสถานการณ์
โดยโปรแกรม Arena ซึ่งจะเห็นได้ว่าแนวทางการปรับปรุง แนวทาง3 คือแนวทางปรับปรุงรวมทุกแนวทาง เป็นแนวทางการปรับปรุงที่ดีที่สุดโดยซึ่งต้นทุนรวมของกระบวนการการผลิตสายพานลดลงจากเดิม
5,307.46 บาท
โดยจะคิดเป็นต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเป็นบวก (Positive Product) เท่ากับ 145,320.33 บาท และคิดเป็นต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเป็นลบ (Negative
Product) เท่ากับ 9,495.94 บาท และทำให้เห็นว่ากิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่ม กิจกรรมที่ไม่มีมูลค่าเพิ่ม
และประสิทธิภาพการทำงานมีผลทำให้เกิดเป็นปริมาณผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าลบเพิ่มขึ้น