Home
ผลงานภาควิชา » โครงงานนักศึกษา » ปริญญาตรี » ปีการศึกษา 2557
โครงงานที่ 19 การปรับปรุงระบบการจัดการสินค้าคงคลังของบริษัท สยามไวร์เน็ตติ้ง จำกัด

โครงงานที่ 19 การปรับปรุงระบบการจัดการสินค้าคงคลังของบริษัท สยามไวร์เน็ตติ้ง จำกัด

หัวข้อโครงการ        การปรับปรุงระบบการจัดการสินค้าคงคลังของบริษัท สยามไวร์เน็ตติ้ง จำกัด

โดย                    นายนายศรัณย์ภัทร  แต่งผิว   รหัสนักศึกษา 540610333

                             นายอธิษฏ์  ลูกสีดา            รหัสนักศึกษา 540610345

ภาควิชา               วิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อาจารย์ที่ปรึกษา      รศ.ดร.อภิชาต  โสภาแดง

ปีการศึกษา            2557

 

บทคัดย่อ

 

          โครงงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ต้นทุนของการจัดเก็บสินค้าคงคลังและเพื่อลดต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลังต่อยอดขายให้ลดลงในการทำโครงงานวิจัยนี้ตั้งเป้าที่การศึกษาต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลังในปี 2555 ถึง 2557 และการศึกษาข้อมูลสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์หลักยกเว้นผลิตภัณฑ์ NF และ Conveyor รวมถึงการเข้าไปศึกษาและเก็บข้อมูลจากแผนก IQA, Beaming, Weaving, Inspection และ Shipment ของบริษัท สยามไวร์เน็ตติ้ง จำกัด โดยเริ่มจากการศึกษาต้นทุนการถือครองย้อนหลัง 3 ปี พบปัญหาต้นทุนการถือครองที่สูงในส่วนของวัตถุดิบ และการถือครองสินค้าระหว่างกระบวนการผลิต จากนั้นทำการจำแนกวัตถุดิบผลิตภัณฑ์หลักตามหลักการ ABC Analysis ร่วมกับการคำนวณต้นทุนการสั่งซื้อแบบประหยัดแบบมีส่วนลด ซึ่งสามารถแบ่งวัตถุดิบที่มีความสำคัญออกเป็น 4 รายการ ได้แก่ Raw Mate 316, 316L , K.O.S for CP , Termite และ Sawa-TM7 โดยในแต่ละรายการมีทั้งหมด 73 รายการย่อยโดยวัตถุดิบสำคัญมี 19 รายการ ทำตามหลักการคำนวณต้นทุนการสั่งซื้อแบบประหยัดแบบมีส่วนลด เนื่องจากทางบริษัทมีการต่อรองกับซัพพลายเออร์ด้านส่วนลดการสั่งซื้อ หลังจากนั้นทำการศึกษาในแผนก Inspection เพื่อลดเวลารอของสินค้าในกระบวนการผลิต โดยใช้โปรแกรม Arena ในการวิเคราะห์ผล เมื่อทำการปรับปรุงต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลังได้ข้อสรุปว่าสามารถลดต้นทุนการถือครองในส่วนวัตถุดิบคิดเป็น 4.29 % มูลค่า 2,282,795 บาท และสามารถลดเวลารวมต่อผลิตภัณฑ์หนึ่งชิ้นไป 55.04 นาทีต่อชิ้น คิดเป็นต้นทุนการถือครองในส่วนของสินค้าระหว่างการผลิตสามารถลดลงได้คิดเป็น 0.84 % เป็นมูลค่า 449,208 บาทรวมทั้งหมดสามารลดต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลังลงได้คิดเป็น 5.13 % คิดเป็นมูลค่า 2,732,003 บาท