หัวข้อโครงงาน การปรับปรุงการจัดเก็บแม่พิมพ์ของผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษด้วยการตัดสินใจแบบหลายเกณฑ์
โดย น.ส.พรไพลิน กิจจงถาวรกุล รหัสนักศึกษา 540610305
น.ส.เมลิน พาซุย รหัสนักศึกษา
540610316
น.ส.วโรชา วันสม รหัสนักศึกษา
540610323
ภาควิชา วิศวกรรมอุตสาหการ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อาจารย์ที่ปรึกษา รศ.ดร.วิมลิน เหล่าศิริถาวร
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
โครงงานวิจัยเรื่อง การปรับปรุงการจัดเก็บแม่พิมพ์ของผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษด้วยการตัดสินใจแบบหลายเกณฑ์ เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดการใช้พื้นที่ในการจัดเก็บแม่พิมพ์ของผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษ และลดเวลาในการค้นหาแม่พิมพ์ของผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษ เพื่อให้ทางโรงงานนำงานวิจัยนี้ไปปฏิบัติจริงจะได้ใช้พื้นที่ให้ก่อเกิดประโยชน์มากที่สุด
แนวทางการศึกษาในงานวิจัยนี้เริ่มจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานของโรงงาน
พื้นที่และรูปแบบในการจัดเก็บแม่พิมพ์ ซึ่งมีแม่พิมพ์ที่จัดเก็บอยู่ 486
ชิ้น และเก็บข้อมูลเวลาในการค้นหาแม่พิมพ์ก่อนการปรับปรุงพบว่าใช้เวลาในการค้นหาแม่พิมพ์
2.59 นาที จากนั้นจึงนำข้อมูลแม่พิมพ์ที่ได้จัดเก็บมาทำการวิเคราะห์เพื่อทำการจำแนกกลุ่มของแม่พิมพ์ออกเป็น
3 กลุ่ม โดยใช้ 3 วิธี คือ
การจำแนกแบบเอบีซี (ABC Analysis) การตัดสินใจด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงลำดับชั้น
(Analytic Hierarchy Process) และการจำแนกกลุ่ม โดยการใช้การจัดกลุ่มข้อมูลแบบ
K-Means ซึ่งมีปัจจัยที่ใช้ในการจำแนก คือ ความถี่ในการนำแม่พิมพ์ออกมาใช้งาน
ราคาและขนาดของแม่พิมพ์ และเลือกวิธีในการจัดเก็บแม่พิมพ์ที่เหมาะสมจาก 3 วิธีที่ใช้ในการจำแนกกลุ่มโดยใช้เกณฑ์ด้านเวลาในการค้นหาแม่พิมพ์หลังการปรับปรุง
หลังจากได้ผลแล้วนั้นได้ทำการออกแบบผังการทดลอง
แล้วได้ทดสอบโดยการนำกลุ่มที่มีความสำคัญมาลองจัด โดยวิธีแบบ ABC นำกลุ่ม A มาทดลองจัดแล้วทำการจับเวลาในการค้นหา
วิธี AHP ใช้กลุ่ม A ในการทดลอง
และกลุ่ม K-means ได้ใช้กลุ่ม cluster 2 มาทดลองในการจัด ได้ผลเวลาคือ 1.21 นาที 1.56
นาที และ 1.07 นาที ตามลำดับ
จากการวิเคราะห์เวลาในการค้นหา ดังนั้นวิธีการจัดเก็บแม่พิมพ์ที่เหมาะสมที่สุด คือ
การจำแนกกลุ่มโดยการใช้การจัดกลุ่มข้อมูลแบบ K-Means หลังจากได้วิธีที่เหมาะสมจึงได้ทำการลงมือในการจัดแม่พิมพ์
โดยทำการปรับปรุงพื้นในการจัดเก็บรวมไปด้วย
และจับเวลาในการค้นหาแม่พิมพ์หลังจากการปรับปรุงการจัดเก็บแม่พิมพ์ ได้เท่ากับ 2.31
นาที ลดลง 0.28 นาที คิดเป็นร้อยละ 15.50
ส่งผลให้เริ่มกระบวนการผลิตเร็วขึ้นจากเดิม
ทั้งนี้การวิเคราะห์การจำแนกกลุ่มทั้ง 3 วิธีทำให้ได้วิธีการจัดเก็บแม่พิมพ์ที่เหมาะสมที่สุดช่วยให้พนักงานค้นหาแม่พิมพ์ได้สะดวก
รวดเร็วมากขึ้น