Home
ผลงานภาควิชา » โครงงานนักศึกษา » ปริญญาตรี » ปีการศึกษา 2557
โครงงานที่ 2 : หัวข้อโครงงาน การวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบและการบำรุงรักษาเชิงป้องกันของเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตลำไยอบแห้ง

โครงงานที่ 2 : หัวข้อโครงงาน การวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบและการบำรุงรักษาเชิงป้องกันของเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตลำไยอบแห้ง



หัวข้อโครงงาน         การวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบและการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

                           ของเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตลำไยอบแห้ง

โดย                      นางสาวปองชนก สุวรรณาภา     รหัสนักศึกษา 540610300

                            นางสาวพรรณอร พรรัตนพิทักษ์  รหัสนักศึกษา 540610306

ภาควิชา                 วิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

อาจารย์ที่ปรึกษา       ผศ.ดร. รุ่งฉัตร ชมภูอินไหว   

ปีการศึกษา              2557

บทคัดย่อ

 โครงงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบของเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตลำไยอบแห้งและวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันสำหรับเครื่องจักรที่มีความสำคัญมาก ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ลำพูน ดี เอส ฟู้ด ซึ่งเป็นบริษัทกรณีศึกษาเนื่องจากลำไยเป็นสินค้าทางการเกษตรที่มีเฉพาะฤดูกาล ส่งผลให้เครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแปรรูปลำไยสดถูกใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงฤดูกาลดังกล่าวเพื่อให้ทันกับลำไยสดที่เข้ามามิฉะนั้นลำไยจะเกิดการเน่าเสียทางโรงงานจึงไม่สามารถปล่อยให้เครื่องจักรเครื่องใดเครื่องหนึ่งเกิดการชำรุดได้เพราะการหยุดชะงักของเครื่องจักรและกระบวนการผลิตย่อมหมายถึงการสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนั้นทางโรงงานกรณีศึกษายังไม่มีการวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างเป็นระบบแต่เน้นไปที่การซ่อมบำรุงตามอาการหลังเกิดเหตุขัดข้องเป็นหลัก

ผู้วิจัยจึงได้ใช้เทคนิค FMEA ในการวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบของชิ้นส่วนเครื่องจักรทั้งระบบและทำการประเมินลำดับความสำคัญของการขัดข้อง โดยศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตเครื่องจักรที่ใช้ และสอบถามข้อมูลของอาการขัดข้องจากพนักงาน จากนั้นระบุอาการขัดข้อง, ผลกระทบ และสาเหตุของแต่ละอาการขัดข้องที่มีโอกาสเกิดขึ้นให้คะแนนความรุนแรง, โอกาสในการเกิด และความสามารถในการตรวจจับ คำนวณและเรียงลำดับค่า RPN หลังจากนั้นได้ใช้แผนภูมิพาเรโตเพื่อจัดลำดับความสำคัญ โดยเลือกโอกาสการเกิดอาการขัดข้องที่มีค่า RPN สูงเพียง 20% (vital few) ที่สร้างความเสียหายส่วนใหญ่ และเครื่องจักรที่มีค่า Severity (S) ในช่วง 4 - 5 คะแนนมาวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

จากการวิเคราะห์อาการขัดข้องและผลกระทบของชิ้นส่วนเครื่องจักรทั้งระบบพบอาการขัดข้องของเครื่องจักรทั้งหมด 72 อาการ กลุ่มอาการ Vital few 38 อาการ และกลุ่ม Severity (S) ในช่วง 4 -5  คะแนน 30 อาการ โดยจะนำกลุ่มอาการ Vital few และ กลุ่ม Severity (S) ในช่วง 4-5 คะแนน มาทำแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน โดยจัดทำคู่มือการบำรุงรักษา (PM Manual),รายละเอียดการบำรุงรักษา (PM Card), ใบตรวจสอบรายการประจำวัน (Check Sheet,) ใบบันทึกอะไหล่ และใบบันทึกประวัติการซ่อมบำรุง ส่วนกลุ่มที่เหลือ  80% จะใช้การบำรุงรักษาแบบหลังเกิดเหตุขัดข้อง

หลังจากได้มีการทดลองนำแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันไปใช้แล้ว พบว่าเครื่องจักรที่อยู่ในกลุ่มอาการ vital few 6 อาการมีค่าระดับความเสี่ยงของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการขัดข้อง (RPN) ลด ลงจาก 957 คะแนน เหลือ 655 คะแนน คิดเป็น 31.56% และทำให้ค่าระดับความเสี่ยงของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการขัดข้อง (RPN) ของทุกเครื่องจักรรวมทั้งหมด 72 อาการ ลดลงจาก 1262 คะแนน เป็น 920 คะแนน ซึ่งลดลง 27.10